- =SUMIFS() – รวมจำนวนสินค้าตามหลายเงื่อนไข เช่น สาขา+ประเภท+แบรนด์
- =COUNTIFS() – นับรายการสินค้าตามเงื่อนไขที่กำหนด
- =MINIFS() – หาสินค้าคงเหลือต่ำสุดตามเงื่อนไข
- =MAXIFS() – หาสินค้าคงเหลือสูงสุดตามเงื่อนไข
- =IF(AND()) – ตรวจสอบหลายเงื่อนไข เช่น สินค้าขาด+ต้องสั่งเพิ่ม
- =VLOOKUP() – ค้นหาข้อมูลสินค้าจากรหัส
- =INDEX(MATCH()) – ค้นหาข้อมูลแบบยืดหยุ่นจากหลายตาราง
- =DATEDIF() – คำนวณอายุสินค้าในคลัง
- =NETWORKDAYS() – นับจำนวนวันทำการสำหรับการสั่งซื้อ
- =SUMPRODUCT() – คำนวณมูลค่าสินค้าคงคลัง (จำนวน×ต้นทุน)
- =TODAY() – แสดงวันที่ปัจจุบันสำหรับการตรวจนับ
- =EOMONTH() – หาวันสิ้นเดือนสำหรับรายงาน
- =LEFT() – ดึงรหัสประเภทจากรหัสสินค้า
- =RIGHT() – ดึงรหัสย่อยจากรหัสสินค้า
- =MID() – ดึงข้อมูลกลางของรหัสสินค้า
- =CONCATENATE() – รวมรหัสสินค้ากับชื่อสินค้า
- =IFERROR() – จัดการข้อผิดพลาดในสูตร
- =ROUND() – ปัดเศษจำนวนสินค้า
- =PROPER() – จัดรูปแบบชื่อสินค้าให้ขึ้นต้นด้วยตัวใหญ่
- =OFFSET() – สร้างช่วงข้อมูลแบบยืดหยุ่น
- =COUNTA() – นับจำนวนรายการที่ไม่ว่าง
- =COUNTBLANK() – นับช่องว่างในรายการสินค้า
- =TEXT() – จัดรูปแบบตัวเลขเป็นข้อความ
- =VALUE() – แปลงข้อความเป็นตัวเลข
- =SUBSTITUTE() – แทนที่ข้อความในชื่อสินค้า
- =FORECAST() – พยากรณ์ความต้องการสินค้า
- =TREND() – วิเคราะห์แนวโน้มการเคลื่อนไหวสินค้า
- =MOD() – หาเศษจากการหาร ใช้แยกกลุ่มสินค้า
- =RANK() – จัดอันดับสินค้าคงคลัง
- =TRANSPOSE() – สลับแถวกับคอลัมน์ในรายงาน
- =AVERAGEIFS() – หาค่าเฉลี่ยตามเงื่อนไข
- =INDIRECT() – อ้างอิงเซลล์จากข้อความ
- =CHOOSE() – เลือกค่าจากรายการตามเงื่อนไข
- =SUBTOTAL() – คำนวณผลรวมย่อยที่ซ่อนแถวได้
- =WEEKNUM() – ดูเลขที่สัปดาห์สำหรับรายงาน
- =WORKDAY() – คำนวณวันทำงานถัดไปสำหรับการสั่งซื้อ