🧠 ปลดล็อกพลังสมอง! 100+ Prompt ChatGPT สำหรับ Brainstorming สุดปัง 💡 ไอเดียไม่มีวันหมด รับประกันความครีเอทีฟ

ท่านสามารถเลือกใช้งานAIจากค่ายไหนก็ได้ครับ

คุณสมบัติChatGPTMicrosoft CopilotClaudeGeminiPerplexity
ผู้พัฒนาOpenAIMicrosoftAnthropicGooglePerplexity AI
โมเดลพื้นฐานGPT-3.5/GPT-4GPT-4ClaudePaLM 2/GeminiGPT-3.5/GPT-4
การรองรับภาษาหลายภาษาหลายภาษาหลายภาษาหลายภาษาหลายภาษา
ความสามารถในการประมวลผลภาพมี (GPT-4)มีมีมีมี
การเข้าถึงข้อมูลเรียลไทม์ไม่มีมีไม่มีมีมี
ความสามารถในการเขียนโค้ดดีดีมากดีมากดีดี
การใช้งานฟรีมีแบบจำกัดมีมีแบบจำกัดมีมี
แพลตฟอร์มที่รองรับเว็บ, มือถือWindows, Edgeเว็บ, APIเว็บ, มือถือ, APIเว็บ, มือถือ
ความสามารถในการสร้างเนื้อหาดีมากดีมากดีมากดีมากดี
การอ้างอิงแหล่งข้อมูลไม่มีมีไม่มีมีมี


ใช้งานChatGPT https://chatgpt.com/
ใช้งาน microsoft Copilot https://copilot.microsoft.com/
ใช้งาน Gemini https://gemini.google.com/app
ใช้งาน perplexity https://www.perplexity.ai/

Prompt

  1. “ช่วยระดมความคิดเกี่ยวกับ [หัวข้อ] และเสนอไอเดียที่แปลกใหม่อย่างน้อย 10 ไอเดีย พร้อมอธิบายสั้นๆ ว่าแต่ละไอเดียมีจุดเด่นอย่างไร”
  2. “สร้างแผนผังความคิด (Mind Map) เกี่ยวกับ [หัวข้อ] โดยแตกประเด็นออกเป็นอย่างน้อย 5 หมวดหมู่หลัก และ 3 หมวดหมู่ย่อยในแต่ละหมวดหมู่หลัก”
  3. “ใช้เทคนิค SCAMPER (Substitute, Combine, Adapt, Modify, Put to another use, Eliminate, Reverse) เพื่อพัฒนาไอเดียใหม่ๆ สำหรับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ]”
  4. “จินตนาการว่าคุณเป็น [บุคคลที่มีชื่อเสียง/ผู้เชี่ยวชาญในสาขา] และเสนอมุมมองหรือแนวทางแก้ปัญหาเกี่ยวกับ [ปัญหา/สถานการณ์] อย่างสร้างสรรค์”
  5. “สร้างรายการ ‘What if’ จำนวน 20 ข้อ เกี่ยวกับ [หัวข้อ/อุตสาหกรรม] เพื่อกระตุ้นการคิดนอกกรอบและเปิดมุมมองใหม่ๆ”
  6. “ใช้เทคนิค Random Word Association โดยเลือกคำสุ่ม 5 คำ และเชื่อมโยงแต่ละคำเข้ากับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา เพื่อสร้างแนวคิดผลิตภัณฑ์หรือแคมเปญการตลาดใหม่ๆ”
  7. “จัดทำ SWOT Analysis (จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค) สำหรับ [ธุรกิจ/โครงการ] พร้อมเสนอกลยุทธ์ที่สร้างสรรค์เพื่อใช้ประโยชน์จากจุดแข็งและโอกาส”
  8. “สร้างซีนาริโอจำลองสถานการณ์ในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้าสำหรับ [อุตสาหกรรม/เทคโนโลยี] และระบุโอกาสทางธุรกิจที่อาจเกิดขึ้นในแต่ละซีนาริโอ”
  9. “ใช้เทคนิค Six Thinking Hats ของ Edward de Bono เพื่อวิเคราะห์ [ปัญหา/โอกาส] จากมุมมองที่หลากหลาย และสรุปแนวทางการแก้ปัญหาหรือพัฒนาที่ครอบคลุม”
  10. “สร้างรายการ ‘Crazy Ideas’ จำนวน 15 ไอเดียที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้หรือไร้สาระสำหรับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] แล้วพิจารณาว่ามีส่วนใดของไอเดียเหล่านั้นที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้จริง”
  11. “ใช้เทคนิค Analogy Thinking โดยเปรียบเทียบ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเรากับสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย เช่น ธรรมชาติ หรือร่างกายมนุษย์ เพื่อค้นหาไอเดียใหม่ๆ”
  12. “สร้างรายการ ‘Impossible Challenges’ 10 ข้อสำหรับ [อุตสาหกรรม/ธุรกิจ] ของเรา แล้วระดมความคิดว่าจะทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้กลายเป็นไปได้อย่างไร”
  13. “ใช้เทคนิค Reverse Brainstorming โดยคิดว่าจะทำอย่างไรให้ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเราแย่ที่สุด จากนั้นนำแนวคิดเหล่านั้นมาพลิกกลับเพื่อหาวิธีปรับปรุง”
  14. “จินตนาการว่า [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเราถูกห้ามใช้ในรูปแบบปัจจุบัน คิด 15 วิธีที่จะปรับเปลี่ยนหรือพัฒนาให้สามารถใช้งานได้อีกครั้ง”
  15. “สร้างรายการ ‘Cross-Industry Innovation’ โดยนำแนวคิดหรือเทคโนโลยีจาก 5 อุตสาหกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องมาประยุกต์ใช้กับ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเรา”
  16. “ใช้เทคนิค 5W1H (What, Why, When, Where, Who, How) เพื่อวิเคราะห์และหาไอเดียใหม่ๆ ในการแก้ปัญหา [ปัญหาที่เผชิญอยู่] ในธุรกิจของเรา”
  17. “สร้างแผนภูมิ Fishbone (ก้างปลา) เพื่อวิเคราะห์สาเหตุของ [ปัญหา] และระดมความคิดเพื่อหาวิธีแก้ไขที่สร้างสรรค์”
  18. “ใช้เทคนิค Random Object Inspiration โดยเลือกวัตถุ 5 ชิ้นในห้องแบบสุ่ม และคิดว่าจะนำคุณสมบัติของวัตถุเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้กับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเราได้อย่างไร”
  19. “สร้างรายการ ‘Future Trends’ 20 ข้อที่อาจส่งผลกระทบต่อ [อุตสาหกรรม/ธุรกิจ] ของเราในอีก 5-10 ปีข้างหน้า พร้อมเสนอไอเดียในการรับมือหรือใช้ประโยชน์จากเทรนด์เหล่านั้น”
  20. “ใช้เทคนิค Forced Connection โดยนำคำสุ่ม 3 คำมาเชื่อมโยงกับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา เพื่อสร้างแนวคิดผลิตภัณฑ์หรือแคมเปญการตลาดใหม่ๆ”
  21. “จินตนาการว่าเราต้องนำเสนอ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ให้กับกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างจากกลุ่มเป้าหมายปัจจุบันโดยสิ้นเชิง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ หรือสัตว์เลี้ยง คิด 10 วิธีที่จะปรับเปลี่ยนหรือพัฒนาให้เหมาะสม”
  22. “ใช้เทคนิค Lotus Blossom โดยเริ่มจาก [ปัญหาหลัก] ตรงกลาง แล้วแตกประเด็นออกเป็น 8 แนวทางแก้ไข จากนั้นขยายแต่ละแนวทางออกไปอีก 8 ไอเดียย่อย”
  23. “สร้างรายการ ‘Extreme Scenarios’ 10 สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นกับ [ธุรกิจ/อุตสาหกรรม] ของเรา แล้วคิดวิธีรับมือที่สร้างสรรค์สำหรับแต่ละสถานการณ์”
  24. “ใช้เทคนิค Role Storming โดยสวมบทบาทเป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญหรือมุมมองที่แตกต่างกัน 5 คน แล้วเสนอไอเดียในการแก้ปัญหา [ปัญหาที่เผชิญอยู่] จากมุมมองของแต่ละบุคคล”
  25. “สร้าง Customer Journey Map สำหรับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา แล้วระบุจุดที่สามารถเพิ่มประสบการณ์พิเศษหรือแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าได้ พร้อมเสนอไอเดียที่สร้างสรรค์”
  26. “ใช้เทคนิค Biomimicry โดยศึกษาระบบหรือกลไกในธรรมชาติ 5 อย่าง แล้วคิดว่าจะนำมาประยุกต์ใช้กับ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเราได้อย่างไร”
  27. “สร้างรายการ ‘Crazy Combinations’ โดยนำ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรามาผสมผสานกับสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย 10 อย่าง แล้วคิดว่าจะเกิดนวัตกรรมอะไรขึ้นได้บ้าง”
  28. “ใช้เทคนิค Opposite Thinking โดยระบุคุณสมบัติหลักของ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา 5 ข้อ แล้วคิดว่าถ้าเราทำในทางตรงกันข้าม จะเกิดไอเดียใหม่ๆ อะไรขึ้นได้บ้าง”
  29. “สร้าง Empathy Map สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเรา แล้วใช้ข้อมูลนี้เพื่อระดมความคิดในการพัฒนา [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ให้ตอบโจทย์ความต้องการและความรู้สึกของลูกค้ามากขึ้น”
  30. “ใช้เทคนิค Provocation Operation โดยตั้งคำถามที่ท้าทายสมมติฐานหรือความเชื่อเดิมๆ เกี่ยวกับ [อุตสาหกรรม/ธุรกิจ] ของเรา แล้วคิดหาคำตอบที่สร้างสรรค์”
  31. “สร้างรายการ ‘Innovation Mashup’ โดยนำเอาแนวคิดหรือเทคโนโลยีจาก 3 อุตสาหกรรมที่แตกต่างกันมาผสมผสานกัน เพื่อสร้างไอเดียนวัตกรรมใหม่สำหรับ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเรา”
  32. “ใช้เทคนิค Random Word Association โดยเลือกคำสุ่ม 7 คำ และเชื่อมโยงแต่ละคำเข้ากับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา เพื่อสร้างแนวคิดการตลาดหรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ”
  33. “สร้างรายการ ‘What if’ จำนวน 25 ข้อ เกี่ยวกับอนาคตของ [อุตสาหกรรม/ธุรกิจ] ในอีก 20 ปีข้างหน้า และคิดว่าเราจะเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นอย่างไร”
  34. “ใช้เทคนิค Forced Connection โดยนำสิ่งของในชีวิตประจำวัน 5 อย่างมาเชื่อมโยงกับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา เพื่อสร้างแนวคิดนวัตกรรมใหม่ๆ”
  35. “จินตนาการว่า [บริษัท/แบรนด์] ของเราต้องย้ายไปดำเนินธุรกิจบนดาวอังคาร คิด 15 วิธีที่เราจะต้องปรับเปลี่ยนหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมใหม่”
  36. “สร้างรายการ ‘Extreme Customer Personas’ 10 แบบที่แตกต่างจากกลุ่มลูกค้าปัจจุบันของเราโดยสิ้นเชิง แล้วคิดว่าเราจะปรับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] อย่างไรให้ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขา”
  37. “ใช้เทคนิค Reverse Assumptions โดยระบุสมมติฐานหลักเกี่ยวกับ [อุตสาหกรรม/ธุรกิจ] ของเรา 5 ข้อ แล้วลองคิดว่าถ้าสิ่งเหล่านั้นไม่เป็นความจริง จะเกิดโอกาสหรือนวัตกรรมอะไรขึ้นได้บ้าง”
  38. “สร้าง Future Scenario Planning โดยจินตนาการถึงสถานการณ์ที่แตกต่างกัน 4 แบบในอีก 10 ปีข้างหน้า และคิดว่า [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเราจะต้องปรับตัวอย่างไรในแต่ละสถานการณ์”
  39. “ใช้เทคนิค Attribute Listing โดยแยกแยะคุณสมบัติต่างๆ ของ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ออกมา แล้วคิดว่าจะปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงแต่ละคุณสมบัติอย่างไรให้ดีขึ้น”
  40. “สร้างรายการ ‘Crazy Marketing Campaigns’ 20 ไอเดียที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้หรือแหวกแนวมากๆ สำหรับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา แล้วพิจารณาว่ามีส่วนใดที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้จริง”
แจกระบบเทรดโดยAI (กดดูเพิ่มเติม)

ผมได้ไปเจอคลิปนี้ มีการแจกระบบเทรดของลุงโฉลก ซึ่งเป็น CDC ActionZone ก็เลยเอาไปปรับแต่งเพิ่มนิดๆหน่อยๆ ให้ทำการเปิดสัญญาณซื้อขาย กับเพิ่มสัญลักษณ์การใช้งานให้ง่ายขึ้น


1.เปิดบัญชีทดลอง
ทดลองเทรด Binaryoption (เหมาะก็ต่อเมื่อเปิดดูสัญญาณ TF 1H ขึ้นไป) ฝึกฝนเทรดฟรีคลิกที่นี่
ทดลองเทรดForex (ใช้ได้ดีกับสัญญาณนี้) ฝึกฝนเทรดฟรีคลิกที่นี่

2.ไปที่ https://www.tradingview.com/ แล้วเอาCodeที่ผมแจก ก็อปวางได้เลยครับ

// This source code is subject to the terms of the Mozilla Public License 2.0 at https://mozilla.org/MPL/2.0/
// © piriya33
// Added Labels and alert conditions and other quality of life feature
// Updated compatability with pine script v4
// Based on improvements from "Kitti-Playbook Action Zone V.4.2.0.3 for Stock Market"

//@version=5
strategy('GPT Mod By CDC V3', overlay=true, precision=6, default_qty_type=strategy.percent_of_equity, default_qty_value=10)
//****************************************************************************//
// CDC Action Zone is based on a simple EMA crossover
// between [default] EMA12 and EMA26
// The zones are defined by the relative position of
// price in relation to the two EMA lines
// Different zones can be use to activate / deactivate
// other trading strategies
// The strategy can also be used on its own with
// acceptable result, buy on the first green candle
// and sell on the first red candle
//****************************************************************************//
//****************************************************************************//
// Define User Input Variables

xsrc = input.source(title='Source Data', defval=close)
xprd1 = input.int(title='Fast EMA period', defval=12)
xprd2 = input.int(title='Slow EMA period', defval=26)
xsmooth = input.int(title='Smoothing period (1 = no smoothing)', defval=1)
fillSW = input.bool(title='Paint Bar Colors', defval=true)
fastSW = input.bool(title='Show fast moving average line', defval=true)
slowSW = input.bool(title='Show slow moving average line', defval=true)
labelSwitch = input.bool(title='Turn on assistive text', defval=true)
plotSigsw = input.bool(title='Plot Buy/Sell Signals? ', defval=true)
plotRibsw = input.bool(title='Plot Buy/Sell Ribbon', defval=false)
plotRibbonPos = input.string(title='Ribbon Position', options=['Top', 'Bottom'], defval='Top')

xfixtf = input.bool(title='** Use Fixed time frame Mode (advanced) **', defval=false)
xtf = input.timeframe(title='** Fix chart to which time frame ? **)', defval='D')

plotSig2sw = input.bool(title='Plot momentum based Buy/Sell Signals? ', defval=false)
plotSig2lv = input.int(title='Set signal threshold (higher = stricter)', defval=1, minval=0, maxval=1)

//****************************************************************************//
//Calculate Indicators

f_secureSecurity(_symbol, _res, _src) => request.security(_symbol, _res, _src[1], lookahead = barmerge.lookahead_on) // Using f_secureSecurity to avoid repainting

xPrice = ta.ema(xsrc, xsmooth)


FastMA = xfixtf ?
ta.ema(f_secureSecurity(syminfo.tickerid, xtf, ta.ema(xsrc, xprd1)), xsmooth)
:
ta.ema(xPrice, xprd1)


SlowMA = xfixtf ?
ta.ema(f_secureSecurity(syminfo.tickerid, xtf, ta.ema(xsrc, xprd2)), xsmooth)
:
ta.ema(xPrice, xprd2)

Bull = FastMA > SlowMA
Bear = FastMA < SlowMA

//****************************************************************************//
// Define Color Zones

Green = Bull and xPrice > FastMA // Buy
Blue = Bear and xPrice > FastMA and xPrice > SlowMA //Pre Buy 2
LBlue = Bear and xPrice > FastMA and xPrice < SlowMA //Pre Buy 1

Red = Bear and xPrice < FastMA // Sell
Orange = Bull and xPrice < FastMA and xPrice < SlowMA // Pre Sell 2
Yellow = Bull and xPrice < FastMA and xPrice > SlowMA // Pre Sell 1

//****************************************************************************//
// Display color on chart


bColor = Green ? color.green :
Blue ? color.blue :
LBlue ? color.aqua :
Red ? color.red :
Orange ? color.orange :
Yellow ? color.yellow :
color.black
barcolor(color=fillSW ? bColor : na)

//****************************************************************************//
// Display MA lines

FastL = plot(fastSW ? FastMA : na, 'Fast EMA', color=color.new(color.red, 0), style = xfixtf ? plot.style_stepline : plot.style_line)
SlowL = plot(slowSW ? SlowMA : na, 'Slow EMA', color=color.new(color.blue, 0), style = xfixtf ? plot.style_stepline : plot.style_line)
fillcolor = Bull ? color.new(color.green,90) : Bear ? color.new(color.red,90) : color.new(color.black,90) // fillcolor = Bull ? color.green : Bear ? color.red : color.black
fill(FastL, SlowL, fillcolor) // fill(FastL, SlowL, fillcolor, transp=90)

//****************************************************************************//
// Define Buy and Sell condition
// This is only for thebasic usage of CDC Actionzone (EMA Crossover)
// ie. Buy on first green bar and sell on first red bar

buycond = Green and Green[1] == 0
sellcond = Red and Red[1] == 0

bullish = ta.barssince(buycond) < ta.barssince(sellcond)
bearish = ta.barssince(sellcond) < ta.barssince(buycond)

buy = bearish[1] and buycond
sell = bullish[1] and sellcond

bColor_BullBear = bullish ? color.green : bearish ? color.red : color.black

//****************************************************************************//
// Plot Buy and Sell point on chart

plotshape(plotSigsw ? buy : na,
style=shape.labelup,
title='Buy Signal',
location=location.belowbar,
color=color.new(color.green, 0),
text="BUY")
plotshape(plotSigsw ? sell : na,
style=shape.labeldown,
title='Sell Signal',
location=location.abovebar,
color=color.new(color.red, 0),
text="SELL")

// Display Buy/Sell Ribbon


plotshape(plotRibsw ? plotRibbonPos == 'Top' ? close : na : na,
style=shape.square,
title='Buy/Sell Ribbon',
location=location.top,
color=bColor_BullBear)

plotshape(plotRibsw ? plotRibbonPos == 'Bottom' ? close : na : na,
style=shape.square,
title='Buy/Sell Ribbon',
location=location.bottom,
color=bColor_BullBear)


//****************************************************************************//
// Label

labelstyle = close > SlowMA ? label.style_label_down : label.style_label_up
labelyloc = close > SlowMA ? yloc.abovebar : yloc.belowbar
labeltcolor = buy ? color.black :
sell ? color.white :
close > close[1] ? color.green :
color.red
labelbgcolor = buy ? color.green : sell ? color.red : color.silver
labeltext = buy ? 'BUY next bar\n' : sell ? 'SELL next bar\n' : ' '
trendText = bullish ? 'bullish' : bearish ? 'bearish' : 'sideways'


l1 = label.new(bar_index, na,
text=labeltext + syminfo.ticker + ' ' + str.tostring(close) + ' ' + syminfo.currency + '\n currently in a ' + trendText + ' trend \n',
color=labelbgcolor,
textcolor=labeltcolor,
yloc=labelyloc,
style=labelstyle)

label.delete(labelSwitch ? l1[1] : l1)

// Momentum Signal using StochRSI

// Adds a momentum based signal following trends to the script
// Default is hidden, only use with caution
// Parameters for STOCH RSI is hard-coded to avoid cluttering the input screen further
// If you need to change anything, make a copy of the code and change it.
// Inputs are commented out, to enable them comment out the hard coded variables first!

// fixed inputs //

smoothK = 3
smoothD = 3
RSIlen = 14
STOlen = 14
SRsrc = close
OSlevel = 30
OBlevel = 70

// User inputs // // COMMENT ABOVE VARIABLES FIRST!!

// smoothK = input(3,"StochRSI smooth K",type=input.integer,minval=1)
// smoothD = input(3,"StochRSI smooth D",type=input.integer,minval=1)
// RSIlen = input(14,"RSI length",type=input.integer,minval=1)
// STOlen = input(14,"Stochastic length",type=input.integer,minval=1)
// SRsrc = input(close,"Source for StochasticRSI",type=input.source)
// OSlevel = input(30,"Oversold Threshold",type=input.float,minval=0.00)
// OBlevel = input(70,"Oversold Threshold",type=input.float,minval=0.00)

// calculations //
rsi1 = ta.rsi(SRsrc, RSIlen)
k = ta.sma(ta.stoch(rsi1, rsi1, rsi1, STOlen), smoothK)
d = ta.sma(k, smoothD)

// storsiBuySig = if bullish
// if (d < OSlevel and crossover(k,d))
// 3
// else if crossover(k,OSlevel)
// 2
// else if d > OSlevel and crossover(k,d)
// 1
// else
// 0
// else
// 0

crossover_1 = ta.crossover(k, d)
crossover_2 = ta.crossover(k, d)
iff_1 = d > OSlevel and crossover_2 ?
1 : 0
iff_2 = d < OSlevel and crossover_1 ?
2 : iff_1
storsiBuySig = bullish ? iff_2 : 0

crossunder_1 = ta.crossunder(k, d)
crossunder_2 = ta.crossunder(k, d)
iff_3 = d < OBlevel and crossunder_2 ?
1 : 0
iff_4 = d > OBlevel and crossunder_1 ?
2 : iff_3
storsiSellSig = bearish ? iff_4 : 0

plotshape(plotSig2sw ? storsiBuySig > plotSig2lv ? storsiBuySig : na : na,
'Buy more signals', style=shape.triangleup,
location=location.belowbar, color=color.new(color.teal, 0))
plotshape(plotSig2sw ? storsiSellSig > plotSig2lv ? storsiSellSig : na : na,
'Sell more signals', style=shape.triangledown,
location=location.abovebar, color=color.new(color.orange, 0))


//****************************************************************************//
// Alert conditions

alertcondition(buy,
title='*Buy Alert',
message='Buy {{exchange}}:{{ticker}}')

alertcondition(sell,
title='*Sell Alert',
message='Sell {{exchange}}:{{ticker}}')

alertcondition(bullish,
title='is Bullish')

alertcondition(bearish,
title='is Bearish')

alertcondition(Green,
title='is Green')

alertcondition(Blue,
title='is Blue (Strong Rally)')

alertcondition(LBlue,
title='is Light Blue (Rally)')

alertcondition(Red,
title='is Red')

alertcondition(Orange,
title='is Orange (Strong Dip)')

alertcondition(Yellow,
title='is Yellow (Dip)')


//****************************************************************************//

// Entry and Exit Strategy
if (buy)
strategy.entry("Buy", strategy.long)

if (sell)
strategy.close("Buy")

  1. “ใช้เทคนิค Synectics โดยสร้างการเปรียบเทียบแบบอุปมาอุปไมยระหว่าง [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเรากับสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย เช่น ธรรมชาติ ดนตรี หรือกีฬา เพื่อค้นหาไอเดียใหม่ๆ”
  2. “สร้าง Customer Pain Points Map โดยระบุปัญหาหรือความไม่สะดวกที่ลูกค้าอาจเจอในการใช้ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา แล้วระดมความคิดเพื่อหาวิธีแก้ไขที่สร้างสรรค์”
  3. “ใช้เทคนิค Random Stimuli โดยเปิดหนังสือหรือเว็บไซต์แบบสุ่ม แล้วนำคำหรือแนวคิดที่พบมาเชื่อมโยงกับ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเรา เพื่อสร้างไอเดียใหม่ๆ”
  4. “สร้างรายการ ‘Impossible Product Features’ 15 ข้อสำหรับ [ผลิตภัณฑ์] ของเรา แล้วระดมความคิดว่าจะทำให้สิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้กลายเป็นความเป็นไปได้อย่างไร”
  5. “ใช้เทคนิค Morphological Analysis โดยแยกองค์ประกอบต่างๆ ของ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ออกมา แล้วสร้างตารางเพื่อจับคู่องค์ประกอบเหล่านั้นในรูปแบบใหม่ๆ”
  6. “จินตนาการว่า [บริษัท/แบรนด์] ของเราต้องเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายเป็นคนในศตวรรษที่ 22 คิด 10 วิธีที่เราจะต้องปรับเปลี่ยนหรือพัฒนา [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ให้ตอบโจทย์คนในอนาคต”
  7. “สร้างรายการ ‘Cross-Industry Collaboration’ โดยเลือกบริษัทจาก 5 อุตสาหกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรา แล้วคิดว่าเราจะร่วมมือกับพวกเขาเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ ได้อย่างไร”
  8. “ใช้เทคนิค Constraint Removal โดยระบุข้อจำกัดหลักในการพัฒนา [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา 5 ข้อ แล้วจินตนาการว่าถ้าไม่มีข้อจำกัดเหล่านั้น เราจะสามารถสร้างสรรค์อะไรได้บ้าง”
  9. “สร้าง Idea Cocktail โดยนำแนวคิดหรือเทคโนโลยีจาก 3 อุตสาหกรรมที่แตกต่างกันมาผสมผสานกัน เพื่อสร้างไอเดียนวัตกรรมใหม่สำหรับ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเรา”
  10. “ใช้เทคนิค Analogy Thinking โดยเปรียบเทียบกระบวนการทำงานหรือการใช้งาน [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรากับระบบในร่างกายมนุษย์ แล้วคิดว่าจะนำแนวคิดจากระบบร่างกายมาปรับปรุงหรือพัฒนาอย่างไร”
  11. “สร้างรายการ ‘Extreme Makeover’ 10 ไอเดียที่จะเปลี่ยนแปลง [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเราอย่างสิ้นเชิง โดยยังคงแก่นหลักของการแก้ปัญหาให้ลูกค้าไว้”
  12. “ใช้เทคนิค Time Machine Ideation โดยจินตนาการว่าเราสามารถนำ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเราย้อนกลับไปในอดีต 100 ปี และนำมาสู่อนาคตอีก 100 ปี คิดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงและโอกาสอะไรบ้างในแต่ละยุคสมัย”
  13. “ใช้เทคนิค Scenario Planning โดยสร้างสถานการณ์จำลอง 4 แบบที่แตกต่างกันสำหรับอนาคตของ [อุตสาหกรรม/ธุรกิจ] ในอีก 15 ปีข้างหน้า และคิดว่าเราจะต้องปรับตัวอย่างไรในแต่ละสถานการณ์”
  14. “สร้างรายการ ‘Radical Transformation’ 10 ไอเดียที่จะเปลี่ยนแปลงโมเดลธุรกิจของ [บริษัท/แบรนด์] อย่างสิ้นเชิง โดยยังคงจุดแข็งหลักไว้”
  15. “ใช้เทคนิค Biomimicry โดยศึกษาระบบหรือกลไกในธรรมชาติ 7 อย่าง แล้วคิดว่าจะนำมาประยุกต์ใช้กับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเราได้อย่างไร”
  16. “จินตนาการว่า [บริษัท/แบรนด์] ของเราต้องย้ายไปดำเนินธุรกิจใต้ท้องทะเล คิด 12 วิธีที่เราจะต้องปรับเปลี่ยนหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมใหม่”
  17. “สร้างรายการ ‘Extreme Customer Segments’ 8 กลุ่มที่แตกต่างจากกลุ่มลูกค้าปัจจุบันของเราโดยสิ้นเชิง แล้วคิดว่าเราจะปรับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] อย่างไรให้ตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละกลุ่ม”
  18. “ใช้เทคนิค Random Word Association โดยเลือกคำสุ่ม 10 คำ และเชื่อมโยงแต่ละคำเข้ากับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา เพื่อสร้างแนวคิดการตลาดหรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ”
  19. “สร้าง Future Technology Impact Analysis โดยเลือกเทคโนโลยีที่กำลังเป็นที่สนใจ 5 อย่าง (เช่น AI, VR, Blockchain) และวิเคราะห์ว่าแต่ละเทคโนโลยีจะส่งผลกระทบต่อ [ธุรกิจ/อุตสาหกรรม] ของเราอย่างไรในอีก 10 ปีข้างหน้า”
  20. “ใช้เทคนิค Reverse Brainstorming โดยคิดว่าจะทำอย่างไรให้ลูกค้าเกลียด [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรามากที่สุด จากนั้นนำแนวคิดเหล่านั้นมาพลิกกลับเพื่อหาวิธีปรับปรุง”
  21. “สร้างรายการ ‘Cross-Industry Innovation’ โดยนำแนวคิดหรือเทคโนโลยีจาก 7 อุตสาหกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องมาประยุกต์ใช้กับ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเรา”
  22. “ใช้เทคนิค Forced Connection โดยนำสิ่งของในชีวิตประจำวัน 8 อย่างมาเชื่อมโยงกับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา เพื่อสร้างแนวคิดนวัตกรรมใหม่ๆ”
  23. “สร้าง Customer Empathy Map สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย 3 กลุ่มที่แตกต่างกัน แล้วใช้ข้อมูลนี้เพื่อระดมความคิดในการพัฒนา [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ให้ตอบโจทย์ความต้องการและความรู้สึกของแต่ละกลุ่ม”
  24. “ใช้เทคนิค SCAMPER (Substitute, Combine, Adapt, Modify, Put to another use, Eliminate, Reverse) กับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา โดยคิดไอเดียอย่างน้อย 3 ข้อสำหรับแต่ละหัวข้อ”
  25. “สร้างรายการ ‘Wildcard Events’ 15 เหตุการณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากแต่ส่งผลกระทบสูงต่อ [อุตสาหกรรม/ธุรกิจ] ของเรา แล้วคิดแผนรับมือสำหรับแต่ละเหตุการณ์”
  26. “ใช้เทคนิค Analogy Thinking โดยเปรียบเทียบ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเรากับระบบนิเวศในธรรมชาติ 5 แบบ (เช่น ป่าฝน ทะเลทราย) และคิดว่าจะนำแนวคิดจากระบบนิเวศมาปรับใช้อย่างไร”
  27. “สร้าง Value Proposition Canvas สำหรับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา แล้วใช้ข้อมูลนี้เพื่อระดมความคิดในการพัฒนาคุณค่าที่ส่งมอบให้ลูกค้าในรูปแบบใหม่ๆ”
  28. “ใช้เทคนิค Future-Back Thinking โดยจินตนาการว่า [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเราประสบความสำเร็จอย่างสูงในอีก 20 ปีข้างหน้า แล้วย้อนกลับมาคิดว่าเราต้องทำอะไรบ้างตั้งแต่วันนี้เพื่อให้ไปถึงจุดนั้น”
  29. “ใช้เทคนิค Random Stimuli โดยเปิดหนังสือหรือเว็บไซต์แบบสุ่ม 5 ครั้ง แล้วนำคำหรือแนวคิดที่พบมาเชื่อมโยงกับ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเรา เพื่อสร้างไอเดียใหม่ๆ”
  30. “สร้างรายการ ‘Crazy Combinations’ โดยนำ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรามาผสมผสานกับสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย 12 อย่าง แล้วคิดว่าจะเกิดนวัตกรรมอะไรขึ้นได้บ้าง”
  31. “ใช้เทคนิค Opposite Thinking โดยระบุคุณสมบัติหลักของ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา 7 ข้อ แล้วคิดว่าถ้าเราทำในทางตรงกันข้าม จะเกิดไอเดียใหม่ๆ อะไรขึ้นได้บ้าง”
  32. “สร้าง Customer Journey Map แบบละเอียดสำหรับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา แล้วระบุจุดที่สามารถเพิ่มประสบการณ์พิเศษหรือแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าได้ พร้อมเสนอไอเดียที่สร้างสรรค์สำหรับแต่ละจุด”
  33. “ใช้เทคนิค Provocation Operation โดยตั้งคำถามที่ท้าทายสมมติฐานหรือความเชื่อเดิมๆ เกี่ยวกับ [อุตสาหกรรม/ธุรกิจ] ของเรา 10 ข้อ แล้วคิดหาคำตอบที่สร้างสรรค์”
  34. “สร้างรายการ ‘Innovation Mashup’ โดยนำเอาแนวคิดหรือเทคโนโลยีจาก 5 อุตสาหกรรมที่แตกต่างกันมาผสมผสานกัน เพื่อสร้างไอเดียนวัตกรรมใหม่สำหรับ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเรา”
  35. “ใช้เทคนิค Attribute Listing โดยแยกแยะคุณสมบัติต่างๆ ของ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ออกมาอย่างน้อย 10 ข้อ แล้วคิดว่าจะปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงแต่ละคุณสมบัติอย่างไรให้ดีขึ้น”
  36. “สร้างรายการ ‘Extreme Scenarios’ 12 สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นกับ [ธุรกิจ/อุตสาหกรรม] ของเรา แล้วคิดวิธีรับมือที่สร้างสรรค์สำหรับแต่ละสถานการณ์”
  37. “ใช้เทคนิค Role Storming โดยสวมบทบาทเป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญหรือมุมมองที่แตกต่างกัน 7 คน แล้วเสนอไอเดียในการแก้ปัญหา [ปัญหาที่เผชิญอยู่] จากมุมมองของแต่ละบุคคล”
  38. “สร้าง Empathy Map สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย 3 กลุ่มที่แตกต่างกันของเรา แล้วใช้ข้อมูลนี้เพื่อระดมความคิดในการพัฒนา [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ให้ตอบโจทย์ความต้องการและความรู้สึกของแต่ละกลุ่ม”
  39. “ใช้เทคนิค Biomimicry โดยศึกษาระบบหรือกลไกในธรรมชาติ 8 อย่าง แล้วคิดว่าจะนำมาประยุกต์ใช้กับ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเราได้อย่างไร”
  40. “สร้างรายการ ‘Crazy Marketing Campaigns’ 25 ไอเดียที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้หรือแหวกแนวมากๆ สำหรับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา แล้วพิจารณาว่ามีส่วนใดที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้จริง”
  41. “ใช้เทคนิค Synectics โดยสร้างการเปรียบเทียบแบบอุปมาอุปไมยระหว่าง [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเรากับสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย 10 อย่าง เช่น ธรรมชาติ ดนตรี หรือกีฬา เพื่อค้นหาไอเดียใหม่ๆ”
  42. “สร้าง Customer Pain Points Map โดยระบุปัญหาหรือความไม่สะดวกที่ลูกค้าอาจเจอในการใช้ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเราอย่างน้อย 15 ข้อ แล้วระดมความคิดเพื่อหาวิธีแก้ไขที่สร้างสรรค์สำหรับแต่ละข้อ”
  43. “ใช้เทคนิค Constraint Removal โดยระบุข้อจำกัดหลักในการพัฒนา [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา 8 ข้อ แล้วจินตนาการว่าถ้าไม่มีข้อจำกัดเหล่านั้น เราจะสามารถสร้างสรรค์อะไรได้บ้าง”
  44. “ใช้เทคนิค Quantum Leap Thinking โดยจินตนาการว่า [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเราได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในอีก 50 ปีข้างหน้า แล้วย้อนกลับมาคิดว่าเราต้องเริ่มทำอะไรบ้างตั้งแต่วันนี้เพื่อให้ไปถึงจุดนั้น”
  45. “สร้างรายการ ‘Future Trends’ 25 ข้อที่อาจส่งผลกระทบต่อ [อุตสาหกรรม/ธุรกิจ] ของเราในอีก 10 ปีข้างหน้า พร้อมเสนอไอเดียในการรับมือหรือใช้ประโยชน์จากเทรนด์เหล่านั้น”
  46. “ใช้เทคนิค Forced Connection โดยนำคำสุ่ม 15 คำมาเชื่อมโยงกับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา เพื่อสร้างแนวคิดผลิตภัณฑ์หรือแคมเปญการตลาดใหม่ๆ”
  47. “จินตนาการว่าเราต้องนำเสนอ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ให้กับกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างจากกลุ่มเป้าหมายปัจจุบันโดยสิ้นเชิง 8 กลุ่ม เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ นักกีฬา หรือสัตว์เลี้ยง คิด 5 วิธีสำหรับแต่ละกลุ่มที่จะปรับเปลี่ยนหรือพัฒนาให้เหมาะสม”
  48. “ใช้เทคนิค Lotus Blossom โดยเริ่มจาก [ปัญหาหลัก] ตรงกลาง แล้วแตกประเด็นออกเป็น 8 แนวทางแก้ไข จากนั้นขยายแต่ละแนวทางออกไปอีก 8 ไอเดียย่อย”
  49. “สร้างรายการ ‘Extreme Scenarios’ 15 สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นกับ [ธุรกิจ/อุตสาหกรรม] ของเรา แล้วคิดวิธีรับมือที่สร้างสรรค์สำหรับแต่ละสถานการณ์”
  50. “ใช้เทคนิค Random Object Inspiration โดยเลือกวัตถุ 10 ชิ้นในห้องแบบสุ่ม และคิดว่าจะนำคุณสมบัติของวัตถุเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้กับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเราได้อย่างไร”
  51. “สร้าง Customer Journey Map แบบละเอียดสำหรับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา โดยแบ่งเป็น 10 ขั้นตอน แล้วระบุจุดที่สามารถเพิ่มประสบการณ์พิเศษหรือแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าได้ พร้อมเสนอไอเดียที่สร้างสรรค์สำหรับแต่ละจุด”
  52. “ใช้เทคนิค Biomimicry โดยศึกษาระบบหรือกลไกในธรรมชาติ 10 อย่าง แล้วคิดว่าจะนำมาประยุกต์ใช้กับ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเราได้อย่างไร”
  53. “สร้างรายการ ‘Crazy Combinations’ โดยนำ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรามาผสมผสานกับสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย 20 อย่าง แล้วคิดว่าจะเกิดนวัตกรรมอะไรขึ้นได้บ้าง”
  54. “ใช้เทคนิค Opposite Thinking โดยระบุคุณสมบัติหลักของ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา 10 ข้อ แล้วคิดว่าถ้าเราทำในทางตรงกันข้าม จะเกิดไอเดียใหม่ๆ อะไรขึ้นได้บ้าง”
  55. “สร้าง Empathy Map สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย 5 กลุ่มที่แตกต่างกันของเรา แล้วใช้ข้อมูลนี้เพื่อระดมความคิดในการพัฒนา [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ให้ตอบโจทย์ความต้องการและความรู้สึกของแต่ละกลุ่ม”
  56. “ใช้เทคนิค Provocation Operation โดยตั้งคำถามที่ท้าทายสมมติฐานหรือความเชื่อเดิมๆ เกี่ยวกับ [อุตสาหกรรม/ธุรกิจ] ของเรา 15 ข้อ แล้วคิดหาคำตอบที่สร้างสรรค์”
  57. “สร้างรายการ ‘Innovation Mashup’ โดยนำเอาแนวคิดหรือเทคโนโลยีจาก 7 อุตสาหกรรมที่แตกต่างกันมาผสมผสานกัน เพื่อสร้างไอเดียนวัตกรรมใหม่สำหรับ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเรา”
  58. “ใช้เทคนิค Attribute Listing โดยแยกแยะคุณสมบัติต่างๆ ของ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ออกมาอย่างน้อย 15 ข้อ แล้วคิดว่าจะปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงแต่ละคุณสมบัติอย่างไรให้ดีขึ้น”
  59. “สร้างรายการ ‘Extreme Scenarios’ 20 สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นกับ [ธุรกิจ/อุตสาหกรรม] ของเรา แล้วคิดวิธีรับมือที่สร้างสรรค์สำหรับแต่ละสถานการณ์”
  60. “ใช้เทคนิค Futuristic Visioning โดยจินตนาการว่า [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเราได้กลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิตมนุษย์ในอีก 100 ปีข้างหน้า แล้วย้อนกลับมาคิดว่าเราต้องเริ่มทำอะไรบ้างตั้งแต่วันนี้เพื่อให้วิสัยทัศน์นั้นเป็นจริง”
  61. “ใช้เทคนิค Role Storming โดยสวมบทบาทเป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญหรือมุมมองที่แตกต่างกัน 10 คน แล้วเสนอไอเดียในการแก้ปัญหา [ปัญหาที่เผชิญอยู่] จากมุมมองของแต่ละบุคคล”
  62. “สร้าง Customer Pain Points Map โดยระบุปัญหาหรือความไม่สะดวกที่ลูกค้าอาจเจอในการใช้ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเราอย่างน้อย 20 ข้อ แล้วระดมความคิดเพื่อหาวิธีแก้ไขที่สร้างสรรค์สำหรับแต่ละข้อ”
  63. “ใช้เทคนิค Random Stimuli โดยเปิดหนังสือหรือเว็บไซต์แบบสุ่ม 8 ครั้ง แล้วนำคำหรือแนวคิดที่พบมาเชื่อมโยงกับ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเรา เพื่อสร้างไอเดียใหม่ๆ”
  64. “สร้างรายการ ‘Crazy Marketing Campaigns’ 30 ไอเดียที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้หรือแหวกแนวมากๆ สำหรับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา แล้วพิจารณาว่ามีส่วนใดที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้จริง”
  65. “ใช้เทคนิค Synectics โดยสร้างการเปรียบเทียบแบบอุปมาอุปไมยระหว่าง [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเรากับสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย 12 อย่าง เช่น ธรรมชาติ ดนตรี หรือกีฬา เพื่อค้นหาไอเดียใหม่ๆ”
  66. “สร้าง Value Proposition Canvas สำหรับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา 3 รูปแบบที่แตกต่างกัน แล้วใช้ข้อมูลนี้เพื่อระดมความคิดในการพัฒนาคุณค่าที่ส่งมอบให้ลูกค้าในรูปแบบใหม่ๆ”
  67. “ใช้เทคนิค Constraint Removal โดยระบุข้อจำกัดหลักในการพัฒนา [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา 10 ข้อ แล้วจินตนาการว่าถ้าไม่มีข้อจำกัดเหล่านั้น เราจะสามารถสร้างสรรค์อะไรได้บ้าง”
  68. “สร้างรายการ ‘Future Trends’ 30 ข้อที่อาจส่งผลกระทบต่อ [อุตสาหกรรม/ธุรกิจ] ของเราในอีก 15 ปีข้างหน้า พร้อมเสนอไอเดียในการรับมือหรือใช้ประโยชน์จากเทรนด์เหล่านั้น”
  69. “ใช้เทคนิค Forced Connection โดยนำคำสุ่ม 20 คำมาเชื่อมโยงกับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา เพื่อสร้างแนวคิดผลิตภัณฑ์หรือแคมเปญการตลาดใหม่ๆ”
  70. “จินตนาการว่าเราต้องนำเสนอ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ให้กับกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างจากกลุ่มเป้าหมายปัจจุบันโดยสิ้นเชิง 10 กลุ่ม คิด 3 วิธีสำหรับแต่ละกลุ่มที่จะปรับเปลี่ยนหรือพัฒนาให้เหมาะสม”
  71. “ใช้เทคนิค Lotus Blossom โดยเริ่มจาก [ปัญหาหลัก] ตรงกลาง แล้วแตกประเด็นออกเป็น 8 แนวทางแก้ไข จากนั้นขยายแต่ละแนวทางออกไปอีก 8 ไอเดียย่อย ทำซ้ำกระบวนการนี้อีก 2 รอบ”
  72. “สร้างรายการ ‘Extreme Scenarios’ 18 สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นกับ [ธุรกิจ/อุตสาหกรรม] ของเรา แล้วคิดวิธีรับมือที่สร้างสรรค์สำหรับแต่ละสถานการณ์”
  73. “ใช้เทคนิค Random Object Inspiration โดยเลือกวัตถุ 15 ชิ้นในห้องแบบสุ่ม และคิดว่าจะนำคุณสมบัติของวัตถุเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้กับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเราได้อย่างไร”
  74. “สร้าง Customer Journey Map แบบละเอียดสำหรับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา โดยแบ่งเป็น 15 ขั้นตอน แล้วระบุจุดที่สามารถเพิ่มประสบการณ์พิเศษหรือแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าได้ พร้อมเสนอไอเดียที่สร้างสรรค์สำหรับแต่ละจุด”
  75. “ใช้เทคนิค Biomimicry โดยศึกษาระบบหรือกลไกในธรรมชาติ 12 อย่าง แล้วคิดว่าจะนำมาประยุกต์ใช้กับ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเราได้อย่างไร”
  76. “ใช้เทคนิค Quantum Leap Innovation โดยจินตนาการว่า [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเราได้สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับโลกในอีก 200 ปีข้างหน้า แล้วย้อนกลับมาคิดว่าเราต้องเริ่มทำอะไรบ้างตั้งแต่วันนี้เพื่อให้วิสัยทัศน์นั้นเป็นจริง พร้อมวางแผนการดำเนินงานเป็นทศวรรษ”

AI Master Class

(ใช้AIช่วยทำธุรกิจ การตลาด เพิ่มประสิทธิภาพ)

ขอขอบคุณที่ไว้วางใจ

เราอยู่ในยุคที่ AI กำลังจะมาพลิกโลกการทำงาน

คอร์สนี้เหมาะสำหรับ

✅ ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ ที่อยากนำ AI มาช่วยเพิ่มผลกำไร เพิ่มยอดขาย
✅ มนุษย์เงินเดือน ที่ต้องการอัพสกิลตัวเอง เพื่อเพิ่มโอกาสในอาชีพการงาน
✅ ผู้ที่สนใจเทคโนโลยี AI และต้องการนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
✅ นักลงทุน ที่ต้องการให้ AI ช่วยตัดสินใจในการลงทุน

สิ่งที่คุณจะได้เรียนรู้ในคอร์ส

✅ ปูพื้นฐาน AI และ ChatGPT จากระดับเริ่มต้นจนใช้งานเป็น
✅ เทคนิคการ Prompt ให้ AI ทำงานตามที่เราต้องการ
✅ ประยุกต์ใช้ AI ในด้านต่างๆ เช่น การตลาด, Content Creation, SEO
✅ สร้างรูปภาพ วิดีโอ ด้วย AI อย่าง DALL-E
✅ เรียนรู้การใช้ AI ช่วยเหลือในการลงทุน
✅ AI อีกมากมายที่จะช่วยให้ชีวิดและธุรกิจของคุณง่ายขึ้น

🔥 สุดยอดความคุ้มของคอร์ส 🔥

✅ เรียน AI คุ้มที่สุด! 🎯 ได้คอร์สออนไลน์ที่อัปเดต ฟรีตลอดชีพ (ตอนนี้มี 100+ บทเรียนแล้ว!)
✅ Workshop จับมือทำ 1 ครั้ง 👨‍🏫 ใช้ AI เป็นแน่นอน! ทำจริง พร้อมโค้ชดูแลใกล้ชิด
✅ กลุ่มเล็ก สอนละเอียด! 👥 จำกัดแค่ 8 คนต่อรอบ ได้รับคำแนะนำแบบตัวต่อตัว
✅ AI ใช้งานได้จริง! 🚀 ทำคอนเทนต์ไวขึ้น / ทำ SEO / สร้างภาพ-วิดีโอ / เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ
✅ สมัครครั้งเดียว คุ้มตลอดชีพ! 💰 ไม่มีรายเดือน อัปเดตเนื้อหาใหม่ฟรี!

และยังมีการประยุกต์ใช้อื่นๆอีกมากมาย

✅ ใช้ Gemini วางแผนการเรียน พร้อมตัวอย่างการใช้งาน
📝 Workshop เพจสอนพิเศษคณิตศาสตร์
💬 workshop เพจ ธุรกิจสอนภาษาอังกฤษ
📝 ลองให้ ChatGPT สอนเขียน HTML CSS สอนดีไม่พอสรุปได้ดีด้วย
🚀 สอนสร้างหน้าเวปใน5นาที ด้วย ChatGPT ไม่ต้องเขียนCodeเองแม้แต่ตัวเดียว
🎥 AI สรุปคลิป youtube
💡 ใช้ ChatGPT ออกไอเดียทำคลิปวีดีโอ
🗺️ ChatGPT เขียน Mind Mapping ได้ด้วย
🔍 ใช้ Chat GPT ช่วยหารูปได้ด้วย
📚 ล้ำจัด ให้ AI แต่งนิทาน พร้อมภาพประกอบ คอมโบ ChatGPT+Midjourney+Canva
🖌️ ทำรูปสมุดระบายสี ด้วย Midjourney
📈 ใช้ ChatGPT เขียน SEO ตั้งแต่เริ่ม
📊 50 marketing Prompt
🖼️ สร้างรูปฟรีๆผ่าน ChatGPT
🖥️ ใช้ ChatGPT สร้างslide แบบ powerpoint
📺 สร้างคำอธิบายคลิป Youtube เพิ่ม SEO

ไอเดียทำคลิปไม่มีตัน

ช่วยเราทำคลิป tiktok ยอดวิวพุ่งๆ ไม่ต้องยิงAds

📅 เรียนWorkshop วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม 68

เวลา 13:00 – 16:00

📍สถานที่ ร้าน Paulsteakhouse เลี่ยงเมืองปากเกร็ด46
https://g.co/kgs/EJiuzy2

ทั้งหมดนี้เพียง 3,990 บาท ก่อนปรับเป็นราคาเต็ม 8,990 ในอนาคต

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *