ท่านสามารถเลือกใช้งานAIจากค่ายไหนก็ได้ครับ
คุณสมบัติ | ChatGPT | Microsoft Copilot | Claude | Gemini | Perplexity |
---|---|---|---|---|---|
ผู้พัฒนา | OpenAI | Microsoft | Anthropic | Perplexity AI | |
โมเดลพื้นฐาน | GPT-3.5/GPT-4 | GPT-4 | Claude | PaLM 2/Gemini | GPT-3.5/GPT-4 |
การรองรับภาษา | หลายภาษา | หลายภาษา | หลายภาษา | หลายภาษา | หลายภาษา |
ความสามารถในการประมวลผลภาพ | มี (GPT-4) | มี | มี | มี | มี |
การเข้าถึงข้อมูลเรียลไทม์ | ไม่มี | มี | ไม่มี | มี | มี |
ความสามารถในการเขียนโค้ด | ดี | ดีมาก | ดีมาก | ดี | ดี |
การใช้งานฟรี | มีแบบจำกัด | มี | มีแบบจำกัด | มี | มี |
แพลตฟอร์มที่รองรับ | เว็บ, มือถือ | Windows, Edge | เว็บ, API | เว็บ, มือถือ, API | เว็บ, มือถือ |
ความสามารถในการสร้างเนื้อหา | ดีมาก | ดีมาก | ดีมาก | ดีมาก | ดี |
การอ้างอิงแหล่งข้อมูล | ไม่มี | มี | ไม่มี | มี | มี |
ใช้งานChatGPT https://chatgpt.com/
ใช้งาน microsoft Copilot https://copilot.microsoft.com/
ใช้งาน Gemini https://gemini.google.com/app
ใช้งาน perplexity https://www.perplexity.ai/


Prompt
- “ช่วยระดมความคิดเกี่ยวกับ [หัวข้อ] และเสนอไอเดียที่แปลกใหม่อย่างน้อย 10 ไอเดีย พร้อมอธิบายสั้นๆ ว่าแต่ละไอเดียมีจุดเด่นอย่างไร”
- “สร้างแผนผังความคิด (Mind Map) เกี่ยวกับ [หัวข้อ] โดยแตกประเด็นออกเป็นอย่างน้อย 5 หมวดหมู่หลัก และ 3 หมวดหมู่ย่อยในแต่ละหมวดหมู่หลัก”
- “ใช้เทคนิค SCAMPER (Substitute, Combine, Adapt, Modify, Put to another use, Eliminate, Reverse) เพื่อพัฒนาไอเดียใหม่ๆ สำหรับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ]”
- “จินตนาการว่าคุณเป็น [บุคคลที่มีชื่อเสียง/ผู้เชี่ยวชาญในสาขา] และเสนอมุมมองหรือแนวทางแก้ปัญหาเกี่ยวกับ [ปัญหา/สถานการณ์] อย่างสร้างสรรค์”
- “สร้างรายการ ‘What if’ จำนวน 20 ข้อ เกี่ยวกับ [หัวข้อ/อุตสาหกรรม] เพื่อกระตุ้นการคิดนอกกรอบและเปิดมุมมองใหม่ๆ”
- “ใช้เทคนิค Random Word Association โดยเลือกคำสุ่ม 5 คำ และเชื่อมโยงแต่ละคำเข้ากับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา เพื่อสร้างแนวคิดผลิตภัณฑ์หรือแคมเปญการตลาดใหม่ๆ”
- “จัดทำ SWOT Analysis (จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค) สำหรับ [ธุรกิจ/โครงการ] พร้อมเสนอกลยุทธ์ที่สร้างสรรค์เพื่อใช้ประโยชน์จากจุดแข็งและโอกาส”
- “สร้างซีนาริโอจำลองสถานการณ์ในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้าสำหรับ [อุตสาหกรรม/เทคโนโลยี] และระบุโอกาสทางธุรกิจที่อาจเกิดขึ้นในแต่ละซีนาริโอ”
- “ใช้เทคนิค Six Thinking Hats ของ Edward de Bono เพื่อวิเคราะห์ [ปัญหา/โอกาส] จากมุมมองที่หลากหลาย และสรุปแนวทางการแก้ปัญหาหรือพัฒนาที่ครอบคลุม”
- “สร้างรายการ ‘Crazy Ideas’ จำนวน 15 ไอเดียที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้หรือไร้สาระสำหรับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] แล้วพิจารณาว่ามีส่วนใดของไอเดียเหล่านั้นที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้จริง”
- “ใช้เทคนิค Analogy Thinking โดยเปรียบเทียบ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเรากับสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย เช่น ธรรมชาติ หรือร่างกายมนุษย์ เพื่อค้นหาไอเดียใหม่ๆ”
- “สร้างรายการ ‘Impossible Challenges’ 10 ข้อสำหรับ [อุตสาหกรรม/ธุรกิจ] ของเรา แล้วระดมความคิดว่าจะทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้กลายเป็นไปได้อย่างไร”
- “ใช้เทคนิค Reverse Brainstorming โดยคิดว่าจะทำอย่างไรให้ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเราแย่ที่สุด จากนั้นนำแนวคิดเหล่านั้นมาพลิกกลับเพื่อหาวิธีปรับปรุง”
- “จินตนาการว่า [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเราถูกห้ามใช้ในรูปแบบปัจจุบัน คิด 15 วิธีที่จะปรับเปลี่ยนหรือพัฒนาให้สามารถใช้งานได้อีกครั้ง”
- “สร้างรายการ ‘Cross-Industry Innovation’ โดยนำแนวคิดหรือเทคโนโลยีจาก 5 อุตสาหกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องมาประยุกต์ใช้กับ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเรา”
- “ใช้เทคนิค 5W1H (What, Why, When, Where, Who, How) เพื่อวิเคราะห์และหาไอเดียใหม่ๆ ในการแก้ปัญหา [ปัญหาที่เผชิญอยู่] ในธุรกิจของเรา”
- “สร้างแผนภูมิ Fishbone (ก้างปลา) เพื่อวิเคราะห์สาเหตุของ [ปัญหา] และระดมความคิดเพื่อหาวิธีแก้ไขที่สร้างสรรค์”
- “ใช้เทคนิค Random Object Inspiration โดยเลือกวัตถุ 5 ชิ้นในห้องแบบสุ่ม และคิดว่าจะนำคุณสมบัติของวัตถุเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้กับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเราได้อย่างไร”
- “สร้างรายการ ‘Future Trends’ 20 ข้อที่อาจส่งผลกระทบต่อ [อุตสาหกรรม/ธุรกิจ] ของเราในอีก 5-10 ปีข้างหน้า พร้อมเสนอไอเดียในการรับมือหรือใช้ประโยชน์จากเทรนด์เหล่านั้น”
- “ใช้เทคนิค Forced Connection โดยนำคำสุ่ม 3 คำมาเชื่อมโยงกับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา เพื่อสร้างแนวคิดผลิตภัณฑ์หรือแคมเปญการตลาดใหม่ๆ”
- “จินตนาการว่าเราต้องนำเสนอ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ให้กับกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างจากกลุ่มเป้าหมายปัจจุบันโดยสิ้นเชิง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ หรือสัตว์เลี้ยง คิด 10 วิธีที่จะปรับเปลี่ยนหรือพัฒนาให้เหมาะสม”
- “ใช้เทคนิค Lotus Blossom โดยเริ่มจาก [ปัญหาหลัก] ตรงกลาง แล้วแตกประเด็นออกเป็น 8 แนวทางแก้ไข จากนั้นขยายแต่ละแนวทางออกไปอีก 8 ไอเดียย่อย”
- “สร้างรายการ ‘Extreme Scenarios’ 10 สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นกับ [ธุรกิจ/อุตสาหกรรม] ของเรา แล้วคิดวิธีรับมือที่สร้างสรรค์สำหรับแต่ละสถานการณ์”
- “ใช้เทคนิค Role Storming โดยสวมบทบาทเป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญหรือมุมมองที่แตกต่างกัน 5 คน แล้วเสนอไอเดียในการแก้ปัญหา [ปัญหาที่เผชิญอยู่] จากมุมมองของแต่ละบุคคล”
- “สร้าง Customer Journey Map สำหรับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา แล้วระบุจุดที่สามารถเพิ่มประสบการณ์พิเศษหรือแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าได้ พร้อมเสนอไอเดียที่สร้างสรรค์”
- “ใช้เทคนิค Biomimicry โดยศึกษาระบบหรือกลไกในธรรมชาติ 5 อย่าง แล้วคิดว่าจะนำมาประยุกต์ใช้กับ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเราได้อย่างไร”
- “สร้างรายการ ‘Crazy Combinations’ โดยนำ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรามาผสมผสานกับสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย 10 อย่าง แล้วคิดว่าจะเกิดนวัตกรรมอะไรขึ้นได้บ้าง”
- “ใช้เทคนิค Opposite Thinking โดยระบุคุณสมบัติหลักของ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา 5 ข้อ แล้วคิดว่าถ้าเราทำในทางตรงกันข้าม จะเกิดไอเดียใหม่ๆ อะไรขึ้นได้บ้าง”
- “สร้าง Empathy Map สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเรา แล้วใช้ข้อมูลนี้เพื่อระดมความคิดในการพัฒนา [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ให้ตอบโจทย์ความต้องการและความรู้สึกของลูกค้ามากขึ้น”
- “ใช้เทคนิค Provocation Operation โดยตั้งคำถามที่ท้าทายสมมติฐานหรือความเชื่อเดิมๆ เกี่ยวกับ [อุตสาหกรรม/ธุรกิจ] ของเรา แล้วคิดหาคำตอบที่สร้างสรรค์”
- “สร้างรายการ ‘Innovation Mashup’ โดยนำเอาแนวคิดหรือเทคโนโลยีจาก 3 อุตสาหกรรมที่แตกต่างกันมาผสมผสานกัน เพื่อสร้างไอเดียนวัตกรรมใหม่สำหรับ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเรา”
- “ใช้เทคนิค Random Word Association โดยเลือกคำสุ่ม 7 คำ และเชื่อมโยงแต่ละคำเข้ากับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา เพื่อสร้างแนวคิดการตลาดหรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ”
- “สร้างรายการ ‘What if’ จำนวน 25 ข้อ เกี่ยวกับอนาคตของ [อุตสาหกรรม/ธุรกิจ] ในอีก 20 ปีข้างหน้า และคิดว่าเราจะเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นอย่างไร”
- “ใช้เทคนิค Forced Connection โดยนำสิ่งของในชีวิตประจำวัน 5 อย่างมาเชื่อมโยงกับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา เพื่อสร้างแนวคิดนวัตกรรมใหม่ๆ”
- “จินตนาการว่า [บริษัท/แบรนด์] ของเราต้องย้ายไปดำเนินธุรกิจบนดาวอังคาร คิด 15 วิธีที่เราจะต้องปรับเปลี่ยนหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมใหม่”
- “สร้างรายการ ‘Extreme Customer Personas’ 10 แบบที่แตกต่างจากกลุ่มลูกค้าปัจจุบันของเราโดยสิ้นเชิง แล้วคิดว่าเราจะปรับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] อย่างไรให้ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขา”
- “ใช้เทคนิค Reverse Assumptions โดยระบุสมมติฐานหลักเกี่ยวกับ [อุตสาหกรรม/ธุรกิจ] ของเรา 5 ข้อ แล้วลองคิดว่าถ้าสิ่งเหล่านั้นไม่เป็นความจริง จะเกิดโอกาสหรือนวัตกรรมอะไรขึ้นได้บ้าง”
- “สร้าง Future Scenario Planning โดยจินตนาการถึงสถานการณ์ที่แตกต่างกัน 4 แบบในอีก 10 ปีข้างหน้า และคิดว่า [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเราจะต้องปรับตัวอย่างไรในแต่ละสถานการณ์”
- “ใช้เทคนิค Attribute Listing โดยแยกแยะคุณสมบัติต่างๆ ของ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ออกมา แล้วคิดว่าจะปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงแต่ละคุณสมบัติอย่างไรให้ดีขึ้น”
- “สร้างรายการ ‘Crazy Marketing Campaigns’ 20 ไอเดียที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้หรือแหวกแนวมากๆ สำหรับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา แล้วพิจารณาว่ามีส่วนใดที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้จริง”

ผมได้ไปเจอคลิปนี้ มีการแจกระบบเทรดของลุงโฉลก ซึ่งเป็น CDC ActionZone ก็เลยเอาไปปรับแต่งเพิ่มนิดๆหน่อยๆ ให้ทำการเปิดสัญญาณซื้อขาย กับเพิ่มสัญลักษณ์การใช้งานให้ง่ายขึ้น

1.เปิดบัญชีทดลอง
ทดลองเทรด Binaryoption (เหมาะก็ต่อเมื่อเปิดดูสัญญาณ TF 1H ขึ้นไป) ฝึกฝนเทรดฟรีคลิกที่นี่
ทดลองเทรดForex (ใช้ได้ดีกับสัญญาณนี้) ฝึกฝนเทรดฟรีคลิกที่นี่
2.ไปที่ https://www.tradingview.com/ แล้วเอาCodeที่ผมแจก ก็อปวางได้เลยครับ

- “ใช้เทคนิค Synectics โดยสร้างการเปรียบเทียบแบบอุปมาอุปไมยระหว่าง [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเรากับสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย เช่น ธรรมชาติ ดนตรี หรือกีฬา เพื่อค้นหาไอเดียใหม่ๆ”
- “สร้าง Customer Pain Points Map โดยระบุปัญหาหรือความไม่สะดวกที่ลูกค้าอาจเจอในการใช้ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา แล้วระดมความคิดเพื่อหาวิธีแก้ไขที่สร้างสรรค์”
- “ใช้เทคนิค Random Stimuli โดยเปิดหนังสือหรือเว็บไซต์แบบสุ่ม แล้วนำคำหรือแนวคิดที่พบมาเชื่อมโยงกับ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเรา เพื่อสร้างไอเดียใหม่ๆ”
- “สร้างรายการ ‘Impossible Product Features’ 15 ข้อสำหรับ [ผลิตภัณฑ์] ของเรา แล้วระดมความคิดว่าจะทำให้สิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้กลายเป็นความเป็นไปได้อย่างไร”
- “ใช้เทคนิค Morphological Analysis โดยแยกองค์ประกอบต่างๆ ของ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ออกมา แล้วสร้างตารางเพื่อจับคู่องค์ประกอบเหล่านั้นในรูปแบบใหม่ๆ”
- “จินตนาการว่า [บริษัท/แบรนด์] ของเราต้องเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายเป็นคนในศตวรรษที่ 22 คิด 10 วิธีที่เราจะต้องปรับเปลี่ยนหรือพัฒนา [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ให้ตอบโจทย์คนในอนาคต”
- “สร้างรายการ ‘Cross-Industry Collaboration’ โดยเลือกบริษัทจาก 5 อุตสาหกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรา แล้วคิดว่าเราจะร่วมมือกับพวกเขาเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ ได้อย่างไร”
- “ใช้เทคนิค Constraint Removal โดยระบุข้อจำกัดหลักในการพัฒนา [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา 5 ข้อ แล้วจินตนาการว่าถ้าไม่มีข้อจำกัดเหล่านั้น เราจะสามารถสร้างสรรค์อะไรได้บ้าง”
- “สร้าง Idea Cocktail โดยนำแนวคิดหรือเทคโนโลยีจาก 3 อุตสาหกรรมที่แตกต่างกันมาผสมผสานกัน เพื่อสร้างไอเดียนวัตกรรมใหม่สำหรับ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเรา”
- “ใช้เทคนิค Analogy Thinking โดยเปรียบเทียบกระบวนการทำงานหรือการใช้งาน [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรากับระบบในร่างกายมนุษย์ แล้วคิดว่าจะนำแนวคิดจากระบบร่างกายมาปรับปรุงหรือพัฒนาอย่างไร”
- “สร้างรายการ ‘Extreme Makeover’ 10 ไอเดียที่จะเปลี่ยนแปลง [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเราอย่างสิ้นเชิง โดยยังคงแก่นหลักของการแก้ปัญหาให้ลูกค้าไว้”
- “ใช้เทคนิค Time Machine Ideation โดยจินตนาการว่าเราสามารถนำ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเราย้อนกลับไปในอดีต 100 ปี และนำมาสู่อนาคตอีก 100 ปี คิดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงและโอกาสอะไรบ้างในแต่ละยุคสมัย”
- “ใช้เทคนิค Scenario Planning โดยสร้างสถานการณ์จำลอง 4 แบบที่แตกต่างกันสำหรับอนาคตของ [อุตสาหกรรม/ธุรกิจ] ในอีก 15 ปีข้างหน้า และคิดว่าเราจะต้องปรับตัวอย่างไรในแต่ละสถานการณ์”
- “สร้างรายการ ‘Radical Transformation’ 10 ไอเดียที่จะเปลี่ยนแปลงโมเดลธุรกิจของ [บริษัท/แบรนด์] อย่างสิ้นเชิง โดยยังคงจุดแข็งหลักไว้”
- “ใช้เทคนิค Biomimicry โดยศึกษาระบบหรือกลไกในธรรมชาติ 7 อย่าง แล้วคิดว่าจะนำมาประยุกต์ใช้กับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเราได้อย่างไร”
- “จินตนาการว่า [บริษัท/แบรนด์] ของเราต้องย้ายไปดำเนินธุรกิจใต้ท้องทะเล คิด 12 วิธีที่เราจะต้องปรับเปลี่ยนหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมใหม่”
- “สร้างรายการ ‘Extreme Customer Segments’ 8 กลุ่มที่แตกต่างจากกลุ่มลูกค้าปัจจุบันของเราโดยสิ้นเชิง แล้วคิดว่าเราจะปรับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] อย่างไรให้ตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละกลุ่ม”
- “ใช้เทคนิค Random Word Association โดยเลือกคำสุ่ม 10 คำ และเชื่อมโยงแต่ละคำเข้ากับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา เพื่อสร้างแนวคิดการตลาดหรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ”
- “สร้าง Future Technology Impact Analysis โดยเลือกเทคโนโลยีที่กำลังเป็นที่สนใจ 5 อย่าง (เช่น AI, VR, Blockchain) และวิเคราะห์ว่าแต่ละเทคโนโลยีจะส่งผลกระทบต่อ [ธุรกิจ/อุตสาหกรรม] ของเราอย่างไรในอีก 10 ปีข้างหน้า”
- “ใช้เทคนิค Reverse Brainstorming โดยคิดว่าจะทำอย่างไรให้ลูกค้าเกลียด [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรามากที่สุด จากนั้นนำแนวคิดเหล่านั้นมาพลิกกลับเพื่อหาวิธีปรับปรุง”
- “สร้างรายการ ‘Cross-Industry Innovation’ โดยนำแนวคิดหรือเทคโนโลยีจาก 7 อุตสาหกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องมาประยุกต์ใช้กับ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเรา”
- “ใช้เทคนิค Forced Connection โดยนำสิ่งของในชีวิตประจำวัน 8 อย่างมาเชื่อมโยงกับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา เพื่อสร้างแนวคิดนวัตกรรมใหม่ๆ”
- “สร้าง Customer Empathy Map สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย 3 กลุ่มที่แตกต่างกัน แล้วใช้ข้อมูลนี้เพื่อระดมความคิดในการพัฒนา [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ให้ตอบโจทย์ความต้องการและความรู้สึกของแต่ละกลุ่ม”
- “ใช้เทคนิค SCAMPER (Substitute, Combine, Adapt, Modify, Put to another use, Eliminate, Reverse) กับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา โดยคิดไอเดียอย่างน้อย 3 ข้อสำหรับแต่ละหัวข้อ”
- “สร้างรายการ ‘Wildcard Events’ 15 เหตุการณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากแต่ส่งผลกระทบสูงต่อ [อุตสาหกรรม/ธุรกิจ] ของเรา แล้วคิดแผนรับมือสำหรับแต่ละเหตุการณ์”
- “ใช้เทคนิค Analogy Thinking โดยเปรียบเทียบ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเรากับระบบนิเวศในธรรมชาติ 5 แบบ (เช่น ป่าฝน ทะเลทราย) และคิดว่าจะนำแนวคิดจากระบบนิเวศมาปรับใช้อย่างไร”
- “สร้าง Value Proposition Canvas สำหรับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา แล้วใช้ข้อมูลนี้เพื่อระดมความคิดในการพัฒนาคุณค่าที่ส่งมอบให้ลูกค้าในรูปแบบใหม่ๆ”
- “ใช้เทคนิค Future-Back Thinking โดยจินตนาการว่า [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเราประสบความสำเร็จอย่างสูงในอีก 20 ปีข้างหน้า แล้วย้อนกลับมาคิดว่าเราต้องทำอะไรบ้างตั้งแต่วันนี้เพื่อให้ไปถึงจุดนั้น”
- “ใช้เทคนิค Random Stimuli โดยเปิดหนังสือหรือเว็บไซต์แบบสุ่ม 5 ครั้ง แล้วนำคำหรือแนวคิดที่พบมาเชื่อมโยงกับ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเรา เพื่อสร้างไอเดียใหม่ๆ”
- “สร้างรายการ ‘Crazy Combinations’ โดยนำ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรามาผสมผสานกับสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย 12 อย่าง แล้วคิดว่าจะเกิดนวัตกรรมอะไรขึ้นได้บ้าง”
- “ใช้เทคนิค Opposite Thinking โดยระบุคุณสมบัติหลักของ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา 7 ข้อ แล้วคิดว่าถ้าเราทำในทางตรงกันข้าม จะเกิดไอเดียใหม่ๆ อะไรขึ้นได้บ้าง”
- “สร้าง Customer Journey Map แบบละเอียดสำหรับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา แล้วระบุจุดที่สามารถเพิ่มประสบการณ์พิเศษหรือแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าได้ พร้อมเสนอไอเดียที่สร้างสรรค์สำหรับแต่ละจุด”
- “ใช้เทคนิค Provocation Operation โดยตั้งคำถามที่ท้าทายสมมติฐานหรือความเชื่อเดิมๆ เกี่ยวกับ [อุตสาหกรรม/ธุรกิจ] ของเรา 10 ข้อ แล้วคิดหาคำตอบที่สร้างสรรค์”
- “สร้างรายการ ‘Innovation Mashup’ โดยนำเอาแนวคิดหรือเทคโนโลยีจาก 5 อุตสาหกรรมที่แตกต่างกันมาผสมผสานกัน เพื่อสร้างไอเดียนวัตกรรมใหม่สำหรับ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเรา”
- “ใช้เทคนิค Attribute Listing โดยแยกแยะคุณสมบัติต่างๆ ของ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ออกมาอย่างน้อย 10 ข้อ แล้วคิดว่าจะปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงแต่ละคุณสมบัติอย่างไรให้ดีขึ้น”
- “สร้างรายการ ‘Extreme Scenarios’ 12 สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นกับ [ธุรกิจ/อุตสาหกรรม] ของเรา แล้วคิดวิธีรับมือที่สร้างสรรค์สำหรับแต่ละสถานการณ์”
- “ใช้เทคนิค Role Storming โดยสวมบทบาทเป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญหรือมุมมองที่แตกต่างกัน 7 คน แล้วเสนอไอเดียในการแก้ปัญหา [ปัญหาที่เผชิญอยู่] จากมุมมองของแต่ละบุคคล”
- “สร้าง Empathy Map สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย 3 กลุ่มที่แตกต่างกันของเรา แล้วใช้ข้อมูลนี้เพื่อระดมความคิดในการพัฒนา [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ให้ตอบโจทย์ความต้องการและความรู้สึกของแต่ละกลุ่ม”
- “ใช้เทคนิค Biomimicry โดยศึกษาระบบหรือกลไกในธรรมชาติ 8 อย่าง แล้วคิดว่าจะนำมาประยุกต์ใช้กับ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเราได้อย่างไร”
- “สร้างรายการ ‘Crazy Marketing Campaigns’ 25 ไอเดียที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้หรือแหวกแนวมากๆ สำหรับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา แล้วพิจารณาว่ามีส่วนใดที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้จริง”
- “ใช้เทคนิค Synectics โดยสร้างการเปรียบเทียบแบบอุปมาอุปไมยระหว่าง [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเรากับสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย 10 อย่าง เช่น ธรรมชาติ ดนตรี หรือกีฬา เพื่อค้นหาไอเดียใหม่ๆ”
- “สร้าง Customer Pain Points Map โดยระบุปัญหาหรือความไม่สะดวกที่ลูกค้าอาจเจอในการใช้ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเราอย่างน้อย 15 ข้อ แล้วระดมความคิดเพื่อหาวิธีแก้ไขที่สร้างสรรค์สำหรับแต่ละข้อ”
- “ใช้เทคนิค Constraint Removal โดยระบุข้อจำกัดหลักในการพัฒนา [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา 8 ข้อ แล้วจินตนาการว่าถ้าไม่มีข้อจำกัดเหล่านั้น เราจะสามารถสร้างสรรค์อะไรได้บ้าง”
- “ใช้เทคนิค Quantum Leap Thinking โดยจินตนาการว่า [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเราได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในอีก 50 ปีข้างหน้า แล้วย้อนกลับมาคิดว่าเราต้องเริ่มทำอะไรบ้างตั้งแต่วันนี้เพื่อให้ไปถึงจุดนั้น”
- “สร้างรายการ ‘Future Trends’ 25 ข้อที่อาจส่งผลกระทบต่อ [อุตสาหกรรม/ธุรกิจ] ของเราในอีก 10 ปีข้างหน้า พร้อมเสนอไอเดียในการรับมือหรือใช้ประโยชน์จากเทรนด์เหล่านั้น”
- “ใช้เทคนิค Forced Connection โดยนำคำสุ่ม 15 คำมาเชื่อมโยงกับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา เพื่อสร้างแนวคิดผลิตภัณฑ์หรือแคมเปญการตลาดใหม่ๆ”
- “จินตนาการว่าเราต้องนำเสนอ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ให้กับกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างจากกลุ่มเป้าหมายปัจจุบันโดยสิ้นเชิง 8 กลุ่ม เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ นักกีฬา หรือสัตว์เลี้ยง คิด 5 วิธีสำหรับแต่ละกลุ่มที่จะปรับเปลี่ยนหรือพัฒนาให้เหมาะสม”
- “ใช้เทคนิค Lotus Blossom โดยเริ่มจาก [ปัญหาหลัก] ตรงกลาง แล้วแตกประเด็นออกเป็น 8 แนวทางแก้ไข จากนั้นขยายแต่ละแนวทางออกไปอีก 8 ไอเดียย่อย”
- “สร้างรายการ ‘Extreme Scenarios’ 15 สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นกับ [ธุรกิจ/อุตสาหกรรม] ของเรา แล้วคิดวิธีรับมือที่สร้างสรรค์สำหรับแต่ละสถานการณ์”
- “ใช้เทคนิค Random Object Inspiration โดยเลือกวัตถุ 10 ชิ้นในห้องแบบสุ่ม และคิดว่าจะนำคุณสมบัติของวัตถุเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้กับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเราได้อย่างไร”
- “สร้าง Customer Journey Map แบบละเอียดสำหรับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา โดยแบ่งเป็น 10 ขั้นตอน แล้วระบุจุดที่สามารถเพิ่มประสบการณ์พิเศษหรือแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าได้ พร้อมเสนอไอเดียที่สร้างสรรค์สำหรับแต่ละจุด”
- “ใช้เทคนิค Biomimicry โดยศึกษาระบบหรือกลไกในธรรมชาติ 10 อย่าง แล้วคิดว่าจะนำมาประยุกต์ใช้กับ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเราได้อย่างไร”
- “สร้างรายการ ‘Crazy Combinations’ โดยนำ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรามาผสมผสานกับสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย 20 อย่าง แล้วคิดว่าจะเกิดนวัตกรรมอะไรขึ้นได้บ้าง”
- “ใช้เทคนิค Opposite Thinking โดยระบุคุณสมบัติหลักของ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา 10 ข้อ แล้วคิดว่าถ้าเราทำในทางตรงกันข้าม จะเกิดไอเดียใหม่ๆ อะไรขึ้นได้บ้าง”
- “สร้าง Empathy Map สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย 5 กลุ่มที่แตกต่างกันของเรา แล้วใช้ข้อมูลนี้เพื่อระดมความคิดในการพัฒนา [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ให้ตอบโจทย์ความต้องการและความรู้สึกของแต่ละกลุ่ม”
- “ใช้เทคนิค Provocation Operation โดยตั้งคำถามที่ท้าทายสมมติฐานหรือความเชื่อเดิมๆ เกี่ยวกับ [อุตสาหกรรม/ธุรกิจ] ของเรา 15 ข้อ แล้วคิดหาคำตอบที่สร้างสรรค์”
- “สร้างรายการ ‘Innovation Mashup’ โดยนำเอาแนวคิดหรือเทคโนโลยีจาก 7 อุตสาหกรรมที่แตกต่างกันมาผสมผสานกัน เพื่อสร้างไอเดียนวัตกรรมใหม่สำหรับ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเรา”
- “ใช้เทคนิค Attribute Listing โดยแยกแยะคุณสมบัติต่างๆ ของ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ออกมาอย่างน้อย 15 ข้อ แล้วคิดว่าจะปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงแต่ละคุณสมบัติอย่างไรให้ดีขึ้น”
- “สร้างรายการ ‘Extreme Scenarios’ 20 สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นกับ [ธุรกิจ/อุตสาหกรรม] ของเรา แล้วคิดวิธีรับมือที่สร้างสรรค์สำหรับแต่ละสถานการณ์”
- “ใช้เทคนิค Futuristic Visioning โดยจินตนาการว่า [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเราได้กลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิตมนุษย์ในอีก 100 ปีข้างหน้า แล้วย้อนกลับมาคิดว่าเราต้องเริ่มทำอะไรบ้างตั้งแต่วันนี้เพื่อให้วิสัยทัศน์นั้นเป็นจริง”
- “ใช้เทคนิค Role Storming โดยสวมบทบาทเป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญหรือมุมมองที่แตกต่างกัน 10 คน แล้วเสนอไอเดียในการแก้ปัญหา [ปัญหาที่เผชิญอยู่] จากมุมมองของแต่ละบุคคล”
- “สร้าง Customer Pain Points Map โดยระบุปัญหาหรือความไม่สะดวกที่ลูกค้าอาจเจอในการใช้ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเราอย่างน้อย 20 ข้อ แล้วระดมความคิดเพื่อหาวิธีแก้ไขที่สร้างสรรค์สำหรับแต่ละข้อ”
- “ใช้เทคนิค Random Stimuli โดยเปิดหนังสือหรือเว็บไซต์แบบสุ่ม 8 ครั้ง แล้วนำคำหรือแนวคิดที่พบมาเชื่อมโยงกับ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเรา เพื่อสร้างไอเดียใหม่ๆ”
- “สร้างรายการ ‘Crazy Marketing Campaigns’ 30 ไอเดียที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้หรือแหวกแนวมากๆ สำหรับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา แล้วพิจารณาว่ามีส่วนใดที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้จริง”
- “ใช้เทคนิค Synectics โดยสร้างการเปรียบเทียบแบบอุปมาอุปไมยระหว่าง [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเรากับสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย 12 อย่าง เช่น ธรรมชาติ ดนตรี หรือกีฬา เพื่อค้นหาไอเดียใหม่ๆ”
- “สร้าง Value Proposition Canvas สำหรับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา 3 รูปแบบที่แตกต่างกัน แล้วใช้ข้อมูลนี้เพื่อระดมความคิดในการพัฒนาคุณค่าที่ส่งมอบให้ลูกค้าในรูปแบบใหม่ๆ”
- “ใช้เทคนิค Constraint Removal โดยระบุข้อจำกัดหลักในการพัฒนา [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา 10 ข้อ แล้วจินตนาการว่าถ้าไม่มีข้อจำกัดเหล่านั้น เราจะสามารถสร้างสรรค์อะไรได้บ้าง”
- “สร้างรายการ ‘Future Trends’ 30 ข้อที่อาจส่งผลกระทบต่อ [อุตสาหกรรม/ธุรกิจ] ของเราในอีก 15 ปีข้างหน้า พร้อมเสนอไอเดียในการรับมือหรือใช้ประโยชน์จากเทรนด์เหล่านั้น”
- “ใช้เทคนิค Forced Connection โดยนำคำสุ่ม 20 คำมาเชื่อมโยงกับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา เพื่อสร้างแนวคิดผลิตภัณฑ์หรือแคมเปญการตลาดใหม่ๆ”
- “จินตนาการว่าเราต้องนำเสนอ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ให้กับกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างจากกลุ่มเป้าหมายปัจจุบันโดยสิ้นเชิง 10 กลุ่ม คิด 3 วิธีสำหรับแต่ละกลุ่มที่จะปรับเปลี่ยนหรือพัฒนาให้เหมาะสม”
- “ใช้เทคนิค Lotus Blossom โดยเริ่มจาก [ปัญหาหลัก] ตรงกลาง แล้วแตกประเด็นออกเป็น 8 แนวทางแก้ไข จากนั้นขยายแต่ละแนวทางออกไปอีก 8 ไอเดียย่อย ทำซ้ำกระบวนการนี้อีก 2 รอบ”
- “สร้างรายการ ‘Extreme Scenarios’ 18 สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นกับ [ธุรกิจ/อุตสาหกรรม] ของเรา แล้วคิดวิธีรับมือที่สร้างสรรค์สำหรับแต่ละสถานการณ์”
- “ใช้เทคนิค Random Object Inspiration โดยเลือกวัตถุ 15 ชิ้นในห้องแบบสุ่ม และคิดว่าจะนำคุณสมบัติของวัตถุเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้กับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเราได้อย่างไร”
- “สร้าง Customer Journey Map แบบละเอียดสำหรับ [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเรา โดยแบ่งเป็น 15 ขั้นตอน แล้วระบุจุดที่สามารถเพิ่มประสบการณ์พิเศษหรือแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าได้ พร้อมเสนอไอเดียที่สร้างสรรค์สำหรับแต่ละจุด”
- “ใช้เทคนิค Biomimicry โดยศึกษาระบบหรือกลไกในธรรมชาติ 12 อย่าง แล้วคิดว่าจะนำมาประยุกต์ใช้กับ [ธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์] ของเราได้อย่างไร”
- “ใช้เทคนิค Quantum Leap Innovation โดยจินตนาการว่า [ผลิตภัณฑ์/บริการ] ของเราได้สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับโลกในอีก 200 ปีข้างหน้า แล้วย้อนกลับมาคิดว่าเราต้องเริ่มทำอะไรบ้างตั้งแต่วันนี้เพื่อให้วิสัยทัศน์นั้นเป็นจริง พร้อมวางแผนการดำเนินงานเป็นทศวรรษ”

AI Master Class
(ใช้AIช่วยทำธุรกิจ การตลาด เพิ่มประสิทธิภาพ)



ขอขอบคุณที่ไว้วางใจ
เราอยู่ในยุคที่ AI กำลังจะมาพลิกโลกการทำงาน
คอร์สนี้เหมาะสำหรับ
ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ ที่อยากนำ AI มาช่วยเพิ่มผลกำไร เพิ่มยอดขาย
มนุษย์เงินเดือน ที่ต้องการอัพสกิลตัวเอง เพื่อเพิ่มโอกาสในอาชีพการงาน
ผู้ที่สนใจเทคโนโลยี AI และต้องการนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
นักลงทุน ที่ต้องการให้ AI ช่วยตัดสินใจในการลงทุน
สิ่งที่คุณจะได้เรียนรู้ในคอร์ส
ปูพื้นฐาน AI และ ChatGPT จากระดับเริ่มต้นจนใช้งานเป็น
เทคนิคการ Prompt ให้ AI ทำงานตามที่เราต้องการ
ประยุกต์ใช้ AI ในด้านต่างๆ เช่น การตลาด, Content Creation, SEO
สร้างรูปภาพ วิดีโอ ด้วย AI อย่าง DALL-E
เรียนรู้การใช้ AI ช่วยเหลือในการลงทุน
AI อีกมากมายที่จะช่วยให้ชีวิดและธุรกิจของคุณง่ายขึ้น
สุดยอดความคุ้มของคอร์ส 
เรียน AI คุ้มที่สุด!
ได้คอร์สออนไลน์ที่อัปเดต ฟรีตลอดชีพ (ตอนนี้มี 100+ บทเรียนแล้ว!)
Workshop จับมือทำ 1 ครั้ง
ใช้ AI เป็นแน่นอน! ทำจริง พร้อมโค้ชดูแลใกล้ชิด
กลุ่มเล็ก สอนละเอียด!
จำกัดแค่ 8 คนต่อรอบ ได้รับคำแนะนำแบบตัวต่อตัว
AI ใช้งานได้จริง!
ทำคอนเทนต์ไวขึ้น / ทำ SEO / สร้างภาพ-วิดีโอ / เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ
สมัครครั้งเดียว คุ้มตลอดชีพ!
ไม่มีรายเดือน อัปเดตเนื้อหาใหม่ฟรี!
และยังมีการประยุกต์ใช้อื่นๆอีกมากมาย
ใช้ Gemini วางแผนการเรียน พร้อมตัวอย่างการใช้งาน
Workshop เพจสอนพิเศษคณิตศาสตร์
workshop เพจ ธุรกิจสอนภาษาอังกฤษ
ลองให้ ChatGPT สอนเขียน HTML CSS สอนดีไม่พอสรุปได้ดีด้วย
สอนสร้างหน้าเวปใน5นาที ด้วย ChatGPT ไม่ต้องเขียนCodeเองแม้แต่ตัวเดียว
AI สรุปคลิป youtube
ใช้ ChatGPT ออกไอเดียทำคลิปวีดีโอ
ChatGPT เขียน Mind Mapping ได้ด้วย
ใช้ Chat GPT ช่วยหารูปได้ด้วย
ล้ำจัด ให้ AI แต่งนิทาน พร้อมภาพประกอบ คอมโบ ChatGPT+Midjourney+Canva
ทำรูปสมุดระบายสี ด้วย Midjourney
ใช้ ChatGPT เขียน SEO ตั้งแต่เริ่ม
50 marketing Prompt
สร้างรูปฟรีๆผ่าน ChatGPT
ใช้ ChatGPT สร้างslide แบบ powerpoint
สร้างคำอธิบายคลิป Youtube เพิ่ม SEO
ไอเดียทำคลิปไม่มีตัน

ช่วยเราทำคลิป tiktok ยอดวิวพุ่งๆ ไม่ต้องยิงAds


